22 มีนาคม 2566 p-o-o-m L-d-b 2222
8 เทรนด์ออกแบบเว็บไซต์ยอดนิยม 2023

สำหรับปี 2022 ได้สิ้นสุดลงไปอย่างสวยงามแล้ว ฉะนั้นในบทความนี้เราจึงไม่พลาดที่จะมาพูดถึงเทรนด์การออกแบบเว็บไซต์ยอดนิยมในปี 2023 โดยในเรื่องของการออกแบบเว็บไซต์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะจ้างนักออกแบบเว็บไซต์ หรือจะออกแบบเว็บไซต์ด้วยตนเอง สิ่งสำคัญคือต้องทำความคุ้นเคยกับเทรนด์การออกแบบล่าสุด เพราะจะได้นำมาปรับใช้ให้การออกแบบของเรานั้นล้ำยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ในด้านประสบการณ์ของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

 

1. เพิ่มการเข้าถึงเว็บ

ตัวอย่างเช่น 18 มีนาคม 2022 กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้เผยแพร่แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าถึงเว็บไซต์ และกฎหมายว่าด้วยชาวอเมริกันที่มีความพิการ ซึ่งเป็นกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติที่ออกในปี 1990

 

ถึงแม้หลักเกณฑ์ของ Doj นั้นจะไม่รวมกฎที่เข้มงวดและรวดเร็วที่ธุรกิจจะต้องปฏิบัติตาม แต่ก็มีคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับการขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงด้วยเหตุนี้ ทำให้หนึ่งในเทรนด์การออกแบบเว็บไซต์ที่ใหญ่ที่สุดในปี 2023 คือ ความต้องการการออกแบบที่สามารถเข้าถึงได้ เช่น

 

เว็บไซต์ที่มีวิดีโอแบบฝัง <> ควรมีคำบรรยายเพื่อให้ผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางสายตาเข้าใจเนื้อหาได้ อีกทั้งเว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ยังช่วยให้สามารถรับรู้ข้อมูล และสำรวจส่วนติดต่อผู้ใช้ของตนได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับการทำให้ผู้คนเข้าถึงเว็บไซต์นั้นมีหลายเทคนิคมากๆ อ่านเพิ่มเติม….

 

2. หลักความคิดถึง

ปัจจุบันนี้ผู้คนต่างมีความคิดถึงยุคเก่าๆ เช่นยุค 80 และ 90 แน่นอนว่าความคิดถึงนั้นมีอิทธิพลมากต่อความรู้สึกของผู้คน และอิทธิพลต่อทุกสิ่งตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการออกแบบเว็บไซต์

 

ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลกระทบมาจากโควิด-19, ภาวะเศรษฐกิจ, สงคราม, ภัยธรรมชาติ และการแข่งขันกันในสังคมที่สูงขึ้นทำให้เกิดความกดดันรอบตัวและส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้คนส่วนใหญ่

 

ดังนั้นจึงทำให้หลายคนที่เคยมีวันที่ดีและช่วงเวลาที่แสนจะอบอุ่นนั้น ได้กลับมาหวนนึกถึงวันเก่าๆ และช่วงเวลาที่เคยมีความสุขมากขึ้น เช่นการที่ได้เห็นได้สัมผัสธีมเก่าๆ ที่เป็นยุคเก่าๆ แล้วรู้สึกผ่อนคลายมีความสุขอิ่มอกอิ่มใจ

 

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นเข้าสู่กระแสของความคิดถึง และแบรนด์ต่างๆ ก็เริ่มจับตามอง ฉะนั้นด้วยประโยชน์ของความคิดถึงแบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างการเชื่อมต่อกับลูกค้าที่ทรงพลังและมีความหมายได้ทันที

 

ด้วยการกระตุ้นความรู้สึกคิดถึงอดีต แบรนด์จึงสามารถเน้นคุณค่าของตนด้วยวิธีที่ลึกซึ้งซึ่งสะท้อนถึงลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง เทคนิคทั่วไปในการออกแบบเว็บไซต์คือการรวมชุดสีแบบคลาสสิก แบบอักษร และภาพที่ทำให้ลูกค้านึกถึงธีมที่ผ่านการทดสอบตามกาลเวลา

 

แต่ต้องดูด้วยว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นสอดคล้องกับสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ถ้าไม่! ก็ควรพิจารณาให้ดีเสียก่อน!
 

3. ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ปัจจุบันนี้ AI เข้ามามีบทบาทในการเป็นผู้ช่วยในการทำงานของผู้คนในสังคมแทบจะทุกสิ่งเข้าไปแล้ว ซึ่งสามารถช่วยย่นเวลา มีความแม่นยำ และลดค่าใช้จ่ายได้ เช่นมีการใช้ AI วาดรูปแทน หรือออกแบบแทน

 

ถึงแม้ว่า AI จะพัฒนาไปไกล แต่ไม่ได้หมายความว่า AI จะสามารถทดแทนสิ่งที่นักออกแบบ และผู้เชี่ยวชาญในการใช้ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ได้ 

 

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว AI นั้นทำให้แบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกมีโอกาสใหม่ๆ ในการเชื่อมต่อกับผู้คนนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น หากเรานั้นมีส่วนร่วมในการออกแบบ UX หรือ UI สักวันเราอาจจะเจอลูกค้าที่ต้องการให้เรานั้นพัฒนาแชทบอทที่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเสมือน ในขณะที่ผ่านบริการนั้นออฟไลน์อยู่

 

และหากเราทำได้ดี มันจะสร้างความแตกต่างให้ระหว่างการสร้างเว็บไซต์ของเรากับของคนอื่นได้ และถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้สร้างเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีองค์ประกอบ AI ก็ตามการทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือ AI ก็ยังมีประโยชน์ เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น เราจะสามารถใช้ AI เพื่อตัดสินใจออกแบบได้ดีขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลงมาก 

 

ตัวอย่างเช่น เราอาจสามารถใช้ AI เพื่อรวมส่วนประกอบ UI มาตรฐานจากไลบรารีการออกแบบของบริษัทของเรา ซึ่งช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ท้องตลาดได้
 

4. ความเรียบง่าย

ความเรียบง่ายนั้นเป็นหนึ่งในเทรนด์การออกแบบเว็บไซต์อันดับต้นๆ สำหรับปี 2023 ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ wynnsoft-solution มีชื่อเสียงในการออกแบบเว็บไซต์ หรือทำธุรกิจออนไลน์ ยังใช้การออกแบบที่เรียบง่าย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าดูจืดชืด

 

แต่ภาพหน้าจอที่ด้านบนของหน้าแสดงผู้นำเสนอในชุดสีสว่างหรือแสดงสไลด์นำเสนอที่มีสีสัน ทำให้หน้าแรกดูดึงดูดสายตาโดยไม่ต้องใช้องค์ประกอบการออกแบบมากเกินไป สามารถดูตัวอย่างได้ที่อ่านเพิ่มเติม.....

 

5. Microinteractions (ไมโครอินเทอร์แอคทีฟ) 

Microinteractions คือลูกเล่นที่จะช่วยให้เว็บไซต์โต้ตอบกับผู้มาเยี่ยมชมได้ มักจะมาในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว ทำให้นักออกแบบต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น เมื่อคลิกที่ภาพหลอดไฟ พื้นหลังของเว็บไซต์ก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ เหมือนกับการเปิด-ปิดไฟนั่นเอง

 

เช่นเดียวกับเทรนด์การออกแบบเว็บไซต์อื่นๆ ในปี 2023 โดยการโต้ตอบแบบไมโครนั้นทำงานเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ และเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ ซึ่งการโต้ตอบกับเว็บไซต์โดยทั่วไปได้แก่ การคลิกลิงก์ เขียนความคิดเห็นในบล็อกโพสต์ ดูวิดีโอ หรือกรอกแบบสำรวจ 

 

การโต้ตอบแบบไมโครนั้นต้องการข้อมูลจากผู้ใช้น้อยลง ทำให้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการเพิ่มการมีส่วนร่วมและทำให้มั่นใจว่าผู้เยี่ยมชมสามารถสำรวจไซต์ได้โดยไม่พบข้อผิดพลาดใดๆ
 

6. การออกแบบที่เหมาะกับมือถือ 

การออกแบบที่เหมาะกับอุปกรณ์พกพาไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีความสำคัญมากกว่าที่เคย จึงทำให้เป็นหนึ่งในเทรนด์การออกแบบเว็บไซต์ยอดนิยมของปี 2023 

 

โดยจากผลสำรวจชาวอเมริกันประมาณ 85% เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน คนเหล่านี้จำนวนมากใช้โทรศัพท์เพื่อทำการจอง ดูเมนูร้านอาหาร กำหนดเวลาการบำรุงรักษารถ และจัดการงานอื่นๆ 

 

ดังนั้นไม่ว่าเรากำลังมองหานักออกแบบเว็บไซต์หรือเราออกแบบเว็บไซต์มาหลายปี เราจำเป็นต้องรู้วิธีสร้างเว็บไซต์ที่ตอบสนอง ไซต์ที่ตอบสนองควรปรับให้เข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ

 

ตั้งแต่สมาร์ทโฟนขนาดเล็กไปจนถึงแท็บเล็ตที่มีหน้าจอขนาด 12 นิ้ว เพื่อให้ผู้ใช้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดี และเราต้องคำนึงถึงขนาดของปุ่มในการออกแบบด้วย เนื่องจากหลายคนใช้งานสมาร์ทโฟนด้วยนิ้วหัวแม่มือแทนนิ้วชี้

 

7. เพิ่มความเป็นจริง

เทคโนโลยีความจริงเสริมผสมผสานเนื้อหาที่สร้างจากคอมพิวเตอร์เข้ากับองค์ประกอบของโลกแห่งความจริง และสร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเมื่อเร็วๆ นี้ แบรนด์จำนวนมากจึงได้รวมองค์ประกอบ A/R ไว้ในเว็บไซต์ของตน

 

ตัวอย่างเช่น Amazon ซึ่งใช้ Virtual Try-On เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นหารองเท้าที่พวกเขาชอบได้อย่างง่ายดาย โดยผู้ซื้อจะใช้สมาร์ทโฟนเพื่อ “ลอง” รองเท้า ทำให้สามารถทดสอบสไตล์และชุดสีต่างๆ ได้โดยไม่ต้องสั่งซื้อ 

 

ดังนั้น Virtual Try-On ช่วยให้ Amazon ทำยอดขายได้ และลดจำนวนการส่งคืนรองเท้าจากลูกค้าที่ผิดหวังกับสไตล์ที่พวกเขาเลือกนั่นเอง เห็นไหมครับว่าประสบการณ์ของผู้ใช้นั้นสำคัญจริงๆ

 

8. โหมดมืด 

เมื่อผู้คนจำนวนมากทราบเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้โหมดมืด เราคาดว่าจะเห็นความต้องการเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการออกแบบที่ตอบสนอง โดยโหมดมืดนั้นไม่ใช่ของใหม่ แต่เริ่มเป็นที่นิยมมากกว่าที่เคย ซึ่งผู้ใช้บางคนพบว่าข้อความสีอ่อนบนพื้นสีเข้มนั้นง่ายกว่า หรือดูน่าใช้กว่าเนื่องจากมีหลายคนชอบโทนมืด ดังนั้นหากสามารถสลับโทนได้จะดีมากๆ อีกทั้งโหมดมืดอาจยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้

 

ซึ่งจากมุมมองของนักออกแบบ โหมดมืดช่วยให้ทดลองกับองค์ประกอบการออกแบบได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยให้ดูสร้างสรรค์กว่าปกติ

 

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย สามารถดูการออกแบบได้ที่อ่านเพิ่มเติม…. ถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณโอกาสนี้ด้วยครับ





 

 

 

 

 

-Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : dribbble.com